ลากลับสู่มาตุภูมิ


เห็นจันทร์เห็นฟ้าอมร               ระเห็จแรมรอน
พักกายพักใจหยุดฝัน
            ราตรีสงัดเงียบงัน                    มีเพียงแสงจันทร์
เป็นเพื่อนเคียงกายล้มนอน
            เอาฟ้าและดาวต่างหมอน        ข้าเพียงคนจร
พลัดถิ่นหลงเมืองบ้านนา
            วางจอบหยุดเสียมจากลา       เสี่ยงโชคชะตา
เข้าสู่เมืองกรุงพิไล



เห็นตึกแลสูงอยู่ไกล                            เห็นคนรำไร
คนกรุงหน้ากร่อนแลกร้าน
            สะท้อนดวงใจแหลกลาน      เหนื่อยทรวงอกคร้าน
นี่หรือธานินทร์ถิ่นไทย
            วาดหวังสาดแสงไฉไล            สว่างไสว
แท้แล้วคือทุกข์หมดหวัง
            หมดแรงหมดไฟพลัง        หมดใจรังสรรค์
หมดเชื้อเติมฟืนก่อไฟ




รวงข้าวท้องทุ่งโบกไหว            พัดพลิ้วลิ่วไป
ตามสายแรงลมโบกโบย
            ควายเฒ่ารอข้าหิวโหย             ตากแดดอิดโรย
เฝ้าคอยจนจิรกาล
            ร้อนแดดแผดผ่าวร้าวราน         ฝันเพ้อยาวนาน
แท้จริงหมอกม่านบังตา
            กลับบ้านคืนเหย้าชาวนา         หาข้าวหาปลา
หาควายคอยเกวียนเวียนไป




            ครานี้จรกลับลับไกล                ลาฟ้าอำไพ
ข้าลาประยุทธ์โรมรัน
            เขตคามไร้การแข่งขัน       เดือดดาลดุดัน
มีเพียงบุหลันงามนวล
            ไร้โศกไร้เศร้ากำสรวล             ไร้ความคร่ำครวญ
ไร้ซึ่งกิเลศยวนเร้า
            ถวิลหาถิ่นแนบเนา                  ท้องทุ่งคงเหงา
เหยาะย่างเหยียบผืนถิ่นเดิม


เฟืองเขียว  เกี้ยวบุหลัน (สมเกียรติ  จันทร)

รำพึงกาพย์ฉบัง ๔ บทนี้ไว้เมื่อปี ๒๕๔๒ 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีซื้อ E-Book จากเวป MEB