ลากลับสู่มาตุภูมิ
๑
เห็นจันทร์เห็นฟ้าอมร ระเห็จแรมรอน
พักกายพักใจหยุดฝัน
ราตรีสงัดเงียบงัน มีเพียงแสงจันทร์
เป็นเพื่อนเคียงกายล้มนอน
เอาฟ้าและดาวต่างหมอน ข้าเพียงคนจร
พลัดถิ่นหลงเมืองบ้านนา
วางจอบหยุดเสียมจากลา เสี่ยงโชคชะตา
เข้าสู่เมืองกรุงพิไล
๒
เห็นตึกแลสูงอยู่ไกล เห็นคนรำไร
คนกรุงหน้ากร่อนแลกร้าน
สะท้อนดวงใจแหลกลาน เหนื่อยทรวงอกคร้าน
นี่หรือธานินทร์ถิ่นไทย
วาดหวังสาดแสงไฉไล สว่างไสว
แท้แล้วคือทุกข์หมดหวัง
หมดแรงหมดไฟพลัง
หมดใจรังสรรค์
หมดเชื้อเติมฟืนก่อไฟ
๓
รวงข้าวท้องทุ่งโบกไหว พัดพลิ้วลิ่วไป
ตามสายแรงลมโบกโบย
ควายเฒ่ารอข้าหิวโหย ตากแดดอิดโรย
เฝ้าคอยจนจิรกาล
ร้อนแดดแผดผ่าวร้าวราน ฝันเพ้อยาวนาน
แท้จริงหมอกม่านบังตา
กลับบ้านคืนเหย้าชาวนา หาข้าวหาปลา
หาควายคอยเกวียนเวียนไป
๔
ครานี้จรกลับลับไกล ลาฟ้าอำไพ
ข้าลาประยุทธ์โรมรัน
เขตคามไร้การแข่งขัน
เดือดดาลดุดัน
มีเพียงบุหลันงามนวล
ไร้โศกไร้เศร้ากำสรวล ไร้ความคร่ำครวญ
ไร้ซึ่งกิเลศยวนเร้า
ถวิลหาถิ่นแนบเนา ท้องทุ่งคงเหงา
เหยาะย่างเหยียบผืนถิ่นเดิม
เฟืองเขียว เกี้ยวบุหลัน
(สมเกียรติ จันทร)
รำพึงกาพย์ฉบัง ๔ บทนี้ไว้เมื่อปี ๒๕๔๒
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น